www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Happening , จดหมายถึงมาโนช (มาโนช นะ มาโนช)

ถึงมาโนช เพื่อนรัก


...มาโนช นะ มาโนช

ยังจำได้มั้ย ตอนนายทำ Lady in the water ใครๆก็ว่าหนังนายห่วย นักวิจารณ์สวดยับ คนดูด่าตรึม เราหนะออกตัวช่วยนายตลอด เราบอกใครต่อใครว่า เรื่องนี้ฝีมือนายตกลงจริง แต่หนังไม่ห่วยแน่นอน แล้วเราก็ยังชอบอยู่



นายหยิบ เทพนิยาย มาเล่าในสไตล์ของนาย ซึ่งมันก็เวิร์คนะ เสียแต่ว่า ทิศทางการเล่าเรื่องมันลอยๆไปหน่อย มันเอาคนดูไม่อยู่เหมือนเรื่องอื่นๆ แต่ นายก็ยังเก็บงำความลับให้คนอยากรู้คำตอบได้ดีเหมือนเคย

เราชอบที่นายวางคาแรคเตอร์ให้ พระเอกมีบาดแผลในอดีตที่ช่วยเมียไม่ได้ แล้วเขาพยายามใช้ชีวิตเพื่อชดเชยความผิดพลาดด้วยการมาทำอาชีพที่คอยช่วยเหลือคนอื่นๆตลอดเวลา มันทำให้เราเข้าใจได้ว่า เพราะอะไร เขาจึงช่วย ผู้หญิงผมยาวแก้ผ้า มากกว่าแค่เหตุผลเพราะรักคนสวย

นายสอดไส้เรื่อง ของ นิทานหลอกเด็กและความศรัทธา ไว้ได้ดีเหมือนเคย เพราะถ้าเหล่าผู้คนถอดใจ สุดท้าย สาวสวยคนนั้นต้องตายแหงแก๋ แต่เธอรอด เพราะ ตัวละครยังคงหลงเหลือ ความเชื่อในหัวใจ พวกเขายังมี นิทานอยู่ในส่วนความเป็นเด็กในตัวเอง พวกเขาไม่ทิ้งความศรัทธาจนไขปริศนาได้ในที่สุด

นายบอกจะไม่หักมุมแต่สุดท้ายนายก็อดใจไม่อยู่ซินะ ที่หักเล็กๆที่ให้เราเข้าใจผิดถึงบทบาทของตัวละคร

มุกกัดนักวิจารณ์ก็แจ๋วนะ มาโนช



... นายยังจำหนังของนายที่เราชอบที่สุดได้มั้ย

นายเคยนึกว่าเราปลื้ม sixth sense เหมือนคนอื่นๆ เปล่าเลยมาโนช หนังของนายที่เข้าไปอยู่อันดับหนึ่งในใจเราคือ The Village



ตอนออกจากโรงนะ คนดูฝรั่งด่าหนังนายในลิฟต์ว่า "Boring scary" แต่เราหนะ "โคตรชอบเลยว่ะ"

ไอ้หักมุมหนะไม่เท่าไหร่ เราเคยบอกเพื่อนเราว่า เราไม่ได้ชอบหนังนายเพราะ การหักมุม และ เราไม่เคยคาดหวังความหักมุมจากหนังของนายมากมายนัก สิ่งที่เราชอบ คือ

1.ฝีมือการกำกับ

และ

2.การทำหนัง สอดไส้ ของนาย

อย่างใน The Village หน้าหนังที่นายหลอกไว้คือ หนังสยองขวัญย้อนยุคของตัวประหลาด แต่นายสอดไส้ แนวคิด การสร้างสังคมอุดมคติแบบ Utopia จากบาดแผลในอดีต(อีกแล้ว)ของมนุษย์

นายเล่นกับความกลัวของคนที่พยายามสร้างสังคมที่สามารถควบคุมคนรุ่นหลังเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่ มันทำให้เห็นว่า เราควบคุมความดีชั่วของมนุษย์ด้วยการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมไม่ได้ เราสร้างสังคมดีงามไม่ได้ ถ้าไม่ได้ปลูกฝัง ความดีงาม ไว้ในจิตใจตั้งแต่ต้น

สีที่นายเล่น ประเด็นที่นายสื่อ และ การกำกับของนาย สุดยอดดดด

และที่สุดของที่สุด เราชอบ ความรักที่มีอยู่ในหนังเรื่องนี้ชะมัด เป็นหนึ่งความรักในภาพยนตร์ที่เราชื่นชม

ความรักที่นางเอกมีให้พระเอกไม่เคยสั่นคลอน เพราะเธอเชื่อมั่นและศรัทธาว่า จะอย่างไรเขาจะไม่ทอดทิ้งเธอ โอ้ว มันทำให้ ฉากที่นางเอกไม่ยอมเข้าบ้านตอนสัตว์ประหลาดบุก แล้วยื่นแขนออกมาตรงชานระเบียงเพื่อรอพระเอกมารับเท่านั้น เป็นอะไรที่ เราโรแมนติก น้ำตาซึม




… Signs เราก็ปลื้มนะมาโนช ไม่รู้นายอ่านหนังสือเล่มใหม่ของเราหรือยัง เราเอาเรื่อง Signs มารวมในหนังสือเราด้วย เพราะเราชอบที่นายสอดไส้ ความศรัทธา ไว้ในเนื้อหามะนาวต่างดุ๊ดได้อย่างแยบยล

เพื่อนเราบอกว่า หนังมนุษย์ต่างดาวเรื่องนี้งี่เง่า มันบอกว่าสู้ ID4 ไม่ได้เลย เราแก้ตัวให้นายว่า ประเด็นของนายกำลังจะพูดถึงคือ มนุษย์ที่กำลังสูญสิ้นศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าต่างหาก ไม่ใช่หนังที่อยากโชว์ ยูเอฟโอถล่มโลก

บทของนายฉลาดนะที่ตอนต้นเรื่อง ปูทุกอย่างวางไว้แล้ว ตั้งแต่ คำใบ้ของเมียพระเอก กับ ปมในใจที่ผูกโยงความศรัทธาของพระเอก สุดท้ายตอนจบนายก็ตามเก็บได้ครบ ทำให้รู้สึกว่าทุกๆรายละเอียดไม่สูญเปล่า

นายเล่นกับเงาของมะนาวต่างดุ๊ตได้น่าหวาดหวั่นดีนะ เงาสะท้อนบนมีด , เงาสะท้อนผ่านจอทีวี , เงาเห็นวิ่งผ่านแว๊บๆ มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนดูมากๆ


... มาถึงหนังรองห่วยตามที่ใครๆเขาว่ากันอย่าง Unbreakable



เราชอบมากๆเลยที่นายสร้างโลกซูเปอร์ฮีโร่ ในแบบของนาย เป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ที่ทำให้เราเชื่อได้ว่า ถ้าโลกนี้จะมี ซูเปอร์ฮีโร่ คงจะออกมาอีหรอบนี้

แล้วเหตุผลที่ ตัวร้าย ใช้เพื่อทำลายมวลมนุษย์ มันก็สะท้อนความอ่อนแอกับปมด้อยในตัวร้ายได้น่าสงสารน่าดู บทเรื่องนี้ดูจะอ่อนแต่มันก็สนุกชวนติดตาม แถมนายก็ยังอุตส่าห์ใส่เอกลักษณ์ของนายลงไปในหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่น่าจะมีความมาโนชในหนังได้เลย

อย่างฉาก ลูกจ่อปืนจะยิงพ่อ กดดันดีนะมาโนช กดดันดี

อ้อ เรื่องนี้ทำให้คนเริ่มสังเกตแล้วหละว่า นายชอบเล่นกับ ‘น้ำ’ ในหนังเหลือเกิน


...ไล่ไปเรื่องแรกสุดของนายที่ใครๆเค้ากรี๊ดกัน The Sixth sense



สารภาพตามตรง ถ้านายหักมุมไม่ดี ตลอดทั้งเรื่องที่ผ่านมาเราเกือบหลับ แต่เพราะการหักมุมที่แรง การหักมุมที่มีชั้นเชิง มันทำให้ แทบทุกคนที่ดูรอบแรกจบ อยากดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ เพื่อสังเกตว่าตัวเอง พลาดอะไรไป จนเราคิดว่า ความรู้สึกแบบนั้นจากคนดูคือความยอดเยี่ยม ทำให้มันเป็น ต้นแบบหนังหักมุมยุคใหม่ที่ดี

ฉากที่เราน้ำตาซึม (เอ๊ะ เราว่าเราน้ำตาซึมกับหนังนายบ่อยๆ เราผิดปกติหรือเปล่าก็ไม่รู้) ก็คือ ฉากที่ลูกบอกความจริงบางอย่างกับแม่บนรถช่วงท้าย ซึ้งมากนะ มันคลี่คลายปมในใจพร้อมๆกับการเฉลยความเป็นจริงที่เข้าท่าเอามากๆ


... แล้วก็มาถึง The Happening



บอกตามตรง มาโนช เราผิดหวัง

ตัวอย่างหนังของนายนี่โดนแบบสุดๆ ทุกคนเฝ้ารอคอยอยากรู้ความลับว่า ใครหรืออะไร ทำให้มนุษย์จู่ๆก็หยุดการเคลื่อนไหวแล้วฆ่าตัวตายหมู่ หลายฉากเราดูแล้วคิดถึงหนังญี่ปุ่นแบบ Suicide club เลย

ช่วงที่ผู้คนหวาดกลัว นายทำได้ดี มันทำให้เราคิดถึง The Mist หนังที่เราเพิ่งดู มันฉาย ความหวาดกลัวของมนุษย์ ที่ผลักดันให้ มนุษย์ พร้อมทำลายเพื่อนร่วมโลกด้วยกันเอง ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่า ศัตรูคุกคามคืออะไร แถมสุดท้ายก็ ดันฆ่ากันเอง ก่อนที่ผู้คุกคามจะมาถึงเสียด้วยซ้ำ



ฝีมือนายยังฉมังอยู่นะ สำหรับการคุมอารมณ์คนดู และ นายก็ยังเก่งที่เล่นกับ ความกลัว ของมนุษย์เหมือนเคย เหมือนตอน Signs นายไม่เผยโชว์ ตัวต่างดาวจะๆ ทำให้คนดูลุ้นกับเสียงบ้าง ภาพไร่ข้าวโพดปลิวบ้าง เงาสะท้อนจากมีดบ้าง เยี่ยมเลยนะ หรือตอน The Village ฉากแทงท้อง หรือ ตอนที่ผู้คนหวาดกลัวตัวประหลาดเขี้ยวยาว ทำเอาเราแทบหยุดหายใจ

ดังนั้นที่ใครต่อใครเคยยกย่องนายว่าเป็น ฮิตช์คอก รุ่นใหม่ เราก็แอบเห็นด้วยไม่น้อย ไม่ใช่เพราะที่นายชอบโผล่มาเล่นหนังตัวเองเหมือนฮิตช์คอค แต่เพราะนายทำหนังสไตล์ ‘เก็บงำ’ เล่นสนุกกับ ‘ความไม่รู้’ ของคนดู โดยเฉพาะจับประเด็น ‘ความหวาดกลัว’ ได้สะแด่วแห้วเสมอมา

แต่เรื่องนี้หนะ บทไม่เวิร์คอะ มาโนช

... เราไม่ค่อยปลื้มบทสนทนาของตัวละครเท่าไหร่นะ มันแปร่งๆลอยๆไม่เป็นธรรมชาติอย่างบอกไม่ถูก เหมือน คาแรคเตอร์ตัวละครด้วยที่ไม่นิ่ง คือ ตัวละครหลักๆแบบว่าบุคลิกเดี๋ยวตลกเดี๋ยวจริงจังเดี๋ยว... เดี๋ยว...

แบบบรรยายไม่ได้ว่า คนๆนี้เป็นคนยังไง นายสร้างตัวตนให้กับตัวละคร ได้ไม่ดีพอ จนคนดูไม่รู้จะรู้สึกยังไงกับตัวละครในฉากสำคัญๆ

แต่นั่นก็เป็นแค่เล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร จุดใหญ่ๆที่เราผิดหวังคือ การสอดไส้ ในหนังเรื่องนี้มันก็มีไส้นะ เราเห็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่นายพยายามใส่ ดีกว่าหนังสยองหลายต่อหลายเรื่อง แต่ถ้าเทียบกับหนังเก่าๆของนาย เรื่องนี้มี ‘ไส้’ น้อยกว่าที่คิด

...ตอนแรกเราดีใจที่นายกลับไปทำหนังเขย่าขวัญสยองขวัญที่ตัวเองถนัด ซึ่งมันน่าจะเข้าทางมากกว่าหนังอย่าง Lady in the water และ จริงอยู่ว่า นายเล่นแรงขึ้น

แต่เรารู้สึกว่า นายยังใจไม่ถึง

เพราะอะไรนะหรอ ก็นายบั่นทอน ความรุนแรงในหนัง ด้วยตัวนายเองหนะ

ถ้าเป็นเรา เราจะไม่ใส่มุกมากมาย ไม่ใส่ตัวละครประหลาดๆ

มุกตลกเวิร์คนะมาโนช แต่มันลดทอนความจริงจังและความน่ากลัวไปเยอะเลย เหมือนตัวละครประหลาดๆอย่างคุณยายคนนั้น มันทำให้หนังหลุดความเป็นจริงไปมาก

พอมีมุกตลก ผสมไปกับ คาแรคเตอร์ตัวละครที่ไม่นิ่ง มันทำให้ ส่วน ความรัก ที่เราตั้งท่าจะอินกลับคล้อยตามไม่เต็มที่ รู้สึกแปร่งๆตามบุคลิกตัวละครนำทั้งสองคนนั้น

ส่วนคุณยาย เราเดาว่า นายอยากจะสื่อสารถึงการอยู่รอดของยายแกว่าเพราะแก disconect จากผู้คน จึงทำให้แกอยู่รอดมาตลอดหรือเปล่านะ , รวมไปถึงไอ้บ้านพลาสติก , สีของแหวน , กฏการกระจายตัวที่คัดเลือกกลุ่มคนที่จะตายเหมือนพวก natural selection ฯลฯ มันเป็น ซิมโบ้ล ใช่มั้ย มาโนช ซิมโบ้ลลล


... เราว่า ถ้านายเดินหน้าแบบจริงจัง ไหนๆก็กะเอาเรต R ไหนๆก็เอาปืนระเบิดหัวจะๆ ไหนๆก็ปล่อยให้มีฉากเด็กเล็กๆตายแล้ว มันจะกดดันและกระทบใจคนดูขึ้นอีกแยะ ถ้านายคุมโทนหนังให้จริงจังมากกว่านี้ ลดการเล่นๆขำๆเว่อร์ๆ และ เพิ่มความ realistic แบบเอากันให้ตายไปข้างเลย

(ถ้ามีคนแอบเปิดอ่านจดหมายนี้ก่อนนาย เห็นประโยคข้างบน คงมีบางคนที่เราชอบเจอในกระทู้ตามอินเตอร์เน็ตบ่อยๆที่ชอบคิดว่า “ไอ้พวกคนดูที่ชอบวิจารณ์นี่ก็ดีแต่พูด มีปัญญาทำแบบเค้าได้หรือเปล่า” ซึ่งเราก็อยากย้อนกลับไปว่า “ไอ้พวกที่ชอบด่านักวิจารณ์เนี่ย มีปัญญาวิจารณ์แบบเค้าหรือเปล่าเหมือนกัน”)


...อีกอย่างนะมาโนช ประเด็นของนายในหนังเรื่องนี้มันไม่กระแทก ไม่แรงพอ เหมือนนายทำหนังสอดไส้ เรื่องอื่นๆ ไส้ ของนายแน่น แต่ เรื่องนี้พอเฉลยจนหมดแล้วมันให้อารมณ์ประมาณว่า ‘ว้า มีแค่นี้เหรอ’

นายอาจจะแอบแวะเวียนไปเรื่อง ภัยก่อการร้าย บ้าง ไปเรื่อง โลกร้อน บ้าง แต่มันก็แตะผ่านๆ บทหนังเรื่องนี้ของนายมีประเด็นเดียว ไม่มีความลึก ไม่คม ไม่เคลียร์ ไม่มีกึ๋นมีชั้นเชิง เหมือนเรื่องก่อนๆที่ดูจบแล้วคิดย้อนไปให้ความรู้สึกทึ่ง

เราไม่ต้องการรายละเอียดมากมาย ไม่อยากรู้ว่ากลไกการตายเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่อยากรู้ว่าตอนจบแปลว่าอะไร ใครจะอยู่ใครจะรอด แต่เราแค่อยากให้ เมื่อเผย ความจริง แล้ว นายน่าจะทำให้ เราพยักหน้าคล้อยตามรู้สึก 'เออ ว่ะ' มากกว่านี้ เราอยากให้มีเหตุผลที่มากไปกว่า....


(บรรทัดต่อไปนี้ สปอยล์นะ มาโนช ถ้านายยังไม่อยากรู้เฉลยหนังตัวเองก็ข้าม บรรทัดสีเหลืองข้างล่างนี้ไป)





นายน่าจะมีเหตุผลที่รองรับมากไปกว่า ‘ธรรมชาติไม่ทนแล้วโว้ย’ แค่นั้น


เพราะตอนแรกเราก็นึกว่านายจะเพิ่มประเด็น พลังแห่งรัก อย่าง คู่พระ-นาง เพราะรักจึงรอด แต่พอเฉลยก็กลายเป็นว่า ไม่ได้เกี่ยวกับรักตรงไหน เพราะ อาการมูนวอร์คถอยหลัง มันก็หยุดพร้อมกันหมดทั่วเมือง ไม่ได้หยุดเฉพาะของคู่พระเอก

แถมทีตอนเริ่มต้นที่สวนสาธารณะ มันก็ฆ่าตัวตายกันยกหมู่ บางคู่ก็รักกันก็ยังตายแหงแก๋ จนเราชักไม่แน่ใจว่า นายตั้งใจจะสื่อเรื่อง พลังแห่งรัก กับ ภัยพิบัตินี้ยังไง

ประเด็นที่มนุษย์หลงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ จนถูกธรรมชาติลงโทษ แล้วสุดท้ายเราก็เป็นไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นๆ ก็เหมือนจะดี แต่หนังก็แค่แตะลอยๆไม่รู้สึกสะใจ

หรือประเด็น ความเห็นแก่ตัวจากความกลัวพื้นฐาน คล้ายๆ The Mist กับ War of the world มันก็ไม่ได้แรงเท่าสองเรื่องนั้น

รายละเอียดมากมาย ที่สอดแทรกเข้าไปในหนัง มันก็สนุกเวลาตามเก็บอยู่จริง แต่มันไม่เหมือนเรื่องก่อนๆที่ กิมมิกหรือรายละเอียดที่ตามเก็บแล้ว มันตรงประเด็น และเคลียร์ ถึงแม้จะจบแบบชวนให้อึ้งเหมือนๆกัน

อย่าง รายละเอียดเรื่อง แก้วน้ำตามบ้าน , การตีเบสบอลของน้องชาย , บุคลิกลับๆล่อๆของคนอินเดียที่หน้าตาเหมือนนาย ใน Signs / รายละเอียดอย่าง พฤติกรรมแปลกๆของคนในหมู่บ้าน , สีที่ใช้ระบายหรือสีดอกไม้ที่ The Village พยายามสื่อ ฯลฯ ไอ้ที่ผ่านๆมานั้น พอหนังจบกลับมาขบคิดตามแล้ว มันรู้สึก 'ใช่ เออวะ' ชัดเจน แจ่มแจ้ง

แต่ ของหนังเรื่องนี้ อย่างเช่น สีของแหวนที่สัมพันธ์กับอารมณ์ , เหตุผลที่คู่พระนางรอดตาย , พฤติกรรมแปลกๆของคุณป้า ฯลฯ พอเอากลับมาถกแล้วมันไม่สุด ไม่ชัด ครั้นจะใช้ คำอธิบายของ ไอน์สไตน์ตอนต้นเกี่ยวกับเรื่องผึ้งอพยพ มันรู้สึกว่า เล่นง่ายไปหน่อยนะมาโนช เล่นง่ายไปหนะ






... ถึงจะอย่างนั้นก็เหอะ เราชอบการถ่ายภาพในหนังเรื่องนี้นะ สวย หลอน สยอง เข้ากับทิศทางการกำกับของนายเลย การออกแบบการตายหลายๆฉากเข้าท่าเลยหละ ภาพติดตากลับมาบ้านเลย

เราเดินขึ้นรถไฟฟ้าเห็นใบไม้ตรงทางเท้าปลิวไปมา เรายังเกือบจะเดินมูนวอร์คถอยหลังเหมือนในหนังไปแล้ว

บรรยากาศในหนังส่งความหวาดกลัวมาสู่คนดูและชวนให้สิ้นหวังใกล้เคียง The Mist เลย แต่พลังมันก็ระโหยลงไปตามมุกต่างๆที่นายปล่อยกับตัวละครเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายที่เราไม่อินเท่าเรื่องนั้น




นางเอกที่นายเลือกเนี่ย ขวัญใจเราเลย ซูอี้ เดสชาแนล ตาสวยจับใจจริงๆ เราชอบตอนที่เธอโคตรจะต๊องในหนัง Failure to launch เรื่องนั้นเธอเป็นตัวประกอบขโมยซีนที่เราเชียร์ใครๆให้ไปหาดูเพื่อหัวเราะไปกับการแสดงของเธอ

พอมาเรื่องนี้ เธอแสดงแปลกๆเหมือนเรื่องนั้นเลยมาโนช ตกลงบทไม่ชัดเจน หรือ สื่อสารกับเธอไม่ชัดว่าอยากให้แสดงออกมาแบบไหน เพราะตอนต้นเรื่องดูเหมือนเก็บงำความลับระดับโลกแตก แต่เฉลยแล้วแบบสงสัยว่าแค่นี้นะหรอ เหมือนตอนจบของหนังหนะ ส่วนคนอื่นๆก็เล่นเรื่อยๆนะโออยู่

สรุปรวมๆคือ เราคิดว่า ไอเดียหลักของหนังนี่ดีมากๆทั้งเรื่องมนุษย์และเรื่องธรรมชาติ การกำกับก็ยังเยี่ยม แต่ ตัวบทหนังยังตีโจทย์ไม่แตก หนังของนายยังคงลึกเหมือนเคย เพียงแค่เรื่องนี้ พอขบคิดตามต่อแล้ว มันรู้สึกแบบว่า ไม่โป๊ะเชะ เหมือนเรื่องก่อนๆ

แถมนักแสดงก็เล่นแปลกๆเข้าไปอีก เลยฉุดให้หนังที่ชวนติดตามมาเกือบตลอดเรื่อง มาทำให้เราต้องผิดหวังในตอนจบ


....ดังนั้น เดี๋ยวอาทิตย์หน้า Filmax เค้าจะมาถามดาวจากเรา เราก็เลยจะบอกเค้าไปว่า เรื่องนี้เราให้นายแค่ 2 ดาวครึ่งนะมาโนช คงไม่โกรธกัน เมื่อเทียบกับเรื่องก่อนๆที่เราให้เกินสามดาวทั้งนั้น

แต่เราก็ไม่สูญสิ้นศรัทธาในตัวนายนะ ฝีมือนายกับตัวตนของนายคือ ของดี ที่ฮอลลีวู้ดควรรักษาไว้ เราอยากให้นายทำหนังต่อๆไป เราเห็นใจนายมากๆตอนได้ข่าวว่า ขนาดฝีมืออย่างนายยังต้องเร่หาสตูดิโอเพื่อทำหนังเรื่องนี้

เรามั่นใจว่า ถ้าหนังนายมีเข้าฉายเมื่อไหร่ ความอยากดู ของเราก็ยังจะเท่าๆเดิมคือ อยากดูสุดๆเหมือนทุกๆเรื่องที่ผ่านมา


ชื่นชมฝีมือนายเสมอ

“ผมอยู่ข้างหลังคุณ”




ป.ล. เราลืมไปว่า นายอ่านภาษาไทยไม่ออกว่ะ มาโนช ขอโทษที






Link บทความที่อ้างอิงถึงใน blog

ชำแหละ The Village , หมู่บ้านนี้มีความลับ หมู่บ้านนี้มีความรัก


อ๊ากกกกกกกก ตอนจบ ‘The Mist’ + วิเคราะห์ ‘แปดวัน แปลกคน’ หนังไรว้า





สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน









ขอฝาก พ็อกเก็ตบุ้คสองเล่มที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนังเพราะ "หนังสือรัก" เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม ส่วน องศาที่ 361 หนังสือเล่มล่าสุดที่จะช่วยให้คุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยไม่ต้องมองหาจากผู้อื่น


เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม




ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป



Create Date : 14 มิถุนายน 2551
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 13:24:41 น. 38 comments
Counter : 6103 Pageviews.

 
เข้ามาขำด้วยคนครับ อิอิ

เห็นด้วยนิดๆนะครับ พี่มาโนช เรื่องนี้ดูพี่มึนๆไปหน่อยอ่ะ ประเด็นอะไรไม่ค่อยชัดเจนสักอย่าง (หรือพี่จะเล่นกับเรื่อง "ความกลัวคือความไม่รู้" ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แปลว่าผมกลัว) พื้นเพตัวละครไม่ชัดเลยง่ะ เลยไม่ค่อยเอาใจช่วยเท่าไหร่ ผมชอบฮ็อตด็อกนะ แต่อยากให้ลุงกินฮ็อตด็อกมีบทมากกว่านี้หน่อย

แต่โดยรวมผมชอบนะ หนังสยองดี เห็นด้วยว่าพี่มาโนชคือผู้กำกับมือดีอีกคนที่ห้ามโดนนายทุนเขี่ยทิ้งเด็ดขาด

(อย่าให้เป็นเหมือนยุทธ-ทะ-เลิศ นะพี่ ขานั้นบ้าไปแล้ว ได้ตังแล้วบ้าเลย)


โดย: CARAGIO IP: 124.120.170.9 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:1:04:05 น.  

 
ยังไม่ได้ไปดูเลยค่ะ คิดว่าจะไปดูวันนี้

พี่หมอเขียนวิจารณ์ดีจัง


โดย: vanilla IP: 12.151.36.19 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:1:35:47 น.  

 
เห็นด้วยเหมือนกันคับ ที่หนังทำให้รู้สึกสิ้นหวัง ผมก็คิดเหมือนกันเรื่องตัวละครดูแปลก ๆ (นึกว่ารู้สึกอยู่คนเดียวซะอีก) เสียดายฝีมือนักแสดงนำอย่าง Mark Wahlberg มากเลย เค้าดูไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย ผมว่าหนังก็ไม่ได้ถึงกับแย่เลยนะ เพราะผมประทับใจกับการคุมอารมณ์คนดูได้ดีเหลือเกิน


โดย: -Imperfect- IP: 58.9.141.124 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:2:15:59 น.  

 
ยังไม่ได้ไปดูเหมือนกันค่ะ

สรุปมันดีหรือไม่ดีค่ะ หรือว่าเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา แบบว่าดูแล้วผิดหวัง


โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:2:52:33 น.  

 
อ่านๆแล้ว จะรู้สึกคล้ายๆกันนะ..

คือ ยังมีหลายๆส่วนที่ยังไม่น่าพอใจ.. แต่ด้วยไอเดีย ด้วยความที่ยังกำกับหนังเพื่อตัวเองต่อไป (แทนที่จะหันไปทำหนังเพื่อคนดู)

เลยรู้สึกดีขึ้นกว่าพี่หมอหน่อย..

ลองไปเยี่ยมกระทู้นี่นะคะ.. หนูไปอ่านแล้ว รู้สึกว่า จะได้อะไรเพิ่มเยอะเลย


โดย: จูริงเองค่ะ IP: 41.233.114.75 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:3:36:13 น.  

 
Feedback with love ได้น่ารักดีนะครับ
แต่ต่อให้ผิดหวังกับหนังแค่ไหนก็เห็นด้วยกับคุณหมอครับว่า ผู้กำกับคนนี้ยังไม่สมควรถูกทอดทิ้ง เรื่องหน้าก็จะขอตั้งหน้าตั้งตาดูอีก

แกจะรู้มั้ยเนี่ยว่ามีคนรอดูหนังแกด้วยใจจดจ่อแค่ไหน คราวหน้าจะได้ตั้งใจทำให้มันดีกว่านี้หน่อย


โดย: คนไทยในต่างมุม IP: 203.157.44.226 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:6:59:55 น.  

 
ผมติดตามดูมาทุกเรื่อง ของเอ็มไนท์ฯ ก็มีขึ้น ๆ ลง ๆ ครับ แต่หลัง ๆ ดูแล้วเฉย ๆ มากกว่า ก็คงคิดว่าจะไม่ไปดูเรื่องนี้แล้วล่ะครับ รอ DVD มาดูก็พอมั้ง

บังเอิญที่บ้านมี LCD TV แล้วดู DVD เพลินมาก ๆ


โดย: เอ IP: 203.156.64.28 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:7:16:23 น.  

 
เมื่อวานไปดูในโรงก็อึ้งหลังจบไปเหมือนกันครับ ว่า อืมมมมม จบแล้วเนาะ


โดย: nookie IP: 124.121.112.129 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:7:55:29 น.  

 
555 คุณมาโนชอ่านไม่ออก
สำหรับเรา เราว่าตอนต้นๆสนุกดีแต่หลังๆเริ่มแผ่ว ตั้งแต่มาเจอคุณป้าประหลาดคนนั้นอ่ะ จากนั้นหนังเริ่มค่อยๆจืดลง จืดลงจนตอนจบก็สามารถเดาได้เลยว่าจะเป็นยังไง
เราว่าประเด็นหนังดีมากทีเดียว แต่สื่ออกมาน้อยเกินไป น่าจะทำให้ดีกว่านี้ น่าจะเน้นว่าทำไมธรรมชาติถึงไม่ทนกับมนุษย์แล้ว (เช่น เพิ่มฉากมนุษย์ทำร้ายธรรมชาติไรงี้) เผื่อคนดูจะได้กลัวและคิดได้ และหันมาทำดีกับโลกใบนี้มากขึ้น
แต่ ผกก ก็ยังทำได้ดีในส่วนความน่ากลัวนะ เพราะเรารู้สึกว่าการฆ่าตัวตายเป็นอะไรที่น่ากลัวอ่ะ คือสารเคมีในเรื่องมันไม่ได้ทำให้คนตาย แต่มันทำให้คน"ฆ่าตัวตาย" ตรงนี้สยองกว่ากันมาก เพราะปกติมนุษย์เราจะมีกลไกทางจิตไม่ทำร้ายตัวเองอยู่แล้วใช่ป่ะ แต่ไอ้สารนี้มาทำให้คนทำร้ายตัวเองได้นี่น่าขนลุกมากๆ เราชอบไอเดียตรงนี้แหละ ส่วนพฤติกรรมก่อนฆ่ากับฉากการฆ่าตัวตายก็น่ากลัวได้ใจดี
รวมๆโอเค แต่ตอนจบค่อนข้างกำปั้นทุบดินไปนิด หรือมันอาจจะเป็นตีมของเรื่องรึเปล่าหว่า ที่ว่า มนุษย์เราจะไม่มีวันเข้าใจธรรมชาติหรอก


โดย: นางาเสะจัง IP: 125.25.105.149 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:17:39:05 น.  

 
"นายน่าจะมี message ที่มากไปกว่า ‘ธรรมชาติไม่ทนแล้วโว้ย’ แค่นั้น"

Do you really think that was the only main message from this movie??

I usually agree with most of your comments about the movies, .....
but for this one,.... I don't think you hit the nail on the head!!!


(Please watch this movie again, you will know what I mean......)


โดย: borderline IP: 124.121.202.153 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:22:03:20 น.  

 
เพิ่งรู้นะครับว่า เฮีย เอ็มไนท์ มีชื่อไทยว่ามาโนช

ผมมี DVD ของพี่มาโนชแกทุกเรื่องเลยครับ

ที่ดูบ่อยสุดๆ ก็ SIXTH SENSE ครับ

แต่เรื่องล่าสุดว่าจะไปดูพรุ่งนี้


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:22:51:55 น.  

 
ผมยังชอบหนังเค้าอยู่ครับ ^_^

เราเห็นตรงกันอย่างนึง
ไม่ว่าจะพูดถึง the village กี่ครั้ง
ผมก็ยืนยันเสมอว่ามันคือหนังโรแมนติก
พอๆ กับที่บอกว่า unbreakable คือหนัง superhero

นี่กลับจากดู happening กลับบ้านมาเปิด unbreakable ดูอีกรอบที่ร้อย :-D


โดย: doc holliday IP: 58.8.118.62 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:1:15:36 น.  

 
สวัสดีครับ

ติดตามอ่าน บล็อค มาโดยตลอดครับ ชื่นชอบ จขบ มากครับ

แต่ครั้งนี้ ผมกลับชอบเรื่องนี้น๊ะครับ ให้เป็นอันดับ 2 รองจาก the village

ผมกลับคิดว่าประเด็นในหนังนั้นชัดเจนดี โดยไม่ต้องบอกหรอกครับว่า ทำไม .....ถึงไม่ทนแล้วโว้ย เพราะ เราๆ คนดูน่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าทำไม

ปล. ผมว่า จุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นการเตือนมนุษย์อย่างเราน๊ะครับ ดังนั้นผมถึงไม่ผิดหวังกับฉากจบเท่าไหร่

ขอบคุณสำหรับ บทความดีดี เสมอมาครับ



โดย: bassethOund IP: 77.66.167.137 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:1:31:14 น.  

 
ให้คะแนนบรรยากาศและความคลุมเครือของหนังค่อนข้างสูงเน่อ (หนังจบที่ สามดาว สำหรับผม) แต่เห็นด้วยว่าลักษณะตัวละครกับประเด็นความรัก มันล่องลอยเบาบางเหลือเกิน

แต่ผมยังเชื่อว่ามาโนชคิดอะไรไว้ในใจซักหน่อย แน่ๆล่ะ ชอบพอๆกับ the village และมากกว่า lady in the water

ขอเวลาไปคิดกับหนังอีกซักนิด... กับบางอย่างที่ยังค้างคาใจ


โดย: nanoguy IP: 125.24.130.133 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:3:04:00 น.  

 
สนุกดีครับ แต่ออกมาแบบผิดหวังนิดหน่อย เพราะคาดหวังจะให้มีอะไรที่ติดหัวมามากกว่า เรื่องธรรมชาติ

ไม่ได้บอกว่าหนังไม่ดี หรือ หนังตื้นเกินไปนะครับ เพียงแต่การสื่อสารของหนัง ไม่ได้ให้คนอย่างผมพบกับแง่มุมที่สร้างความพึงพอใจใหักับผมเท่านั้นเอง



โดย: mto IP: 124.121.221.60 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:8:38:36 น.  

 
โดยส่วนตัว ผมกลับชอบงานแหวกแนวของเฮียมาโนช อย่าง "Lady in the Water" มากที่สุดเลยแหะ ..ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ชอบความไร้เดียงสา มากกว่าความหม่นหมองแบบที่คนอื่นๆเขาเลือกจะชอบกัน (แล้วหนังที่ดันไม่ชอบที่สุด ก็เป็น เรื่องที่พี่ผมฯชอบมากสุดซะด้วยสิ)

SPOILER

ส่วน The Happening ...ก็เป็นอีกครั้งที่ ไม่ผิดหวัง สำหรับการดูหนังของเฮียมาโนช ผมชอบมันพอๆกับ Signs เลยทีเดียว (ที่ก็น้อยกว่า Lady อยู่นิดๆ) แต่ก็เห็นด้วยกับพี่ผมฯ ที่ประเด็นบางเรื่องดูอิหลักอิเหลื่ออยู่ โดยเฉพาะความรักเอาชนะทุกสิ่ง
ที่ผมพยายามคิดโยงกับกิมมิคอื่นๆ มันก็เข้าท่าอยู่
โดยเฉพาะ เรื่องของยาย ที่ใส่เข้ามา.. ผมมองว่าแกเป็นคนที่ไม่หลงเหลือความรักไว้ใจให้ใครอีกแล้ว นอกไปจากผู้ชายในรูปภาพตอนต้นๆฉาก ...และด้วยการปิดกั้นของตัวแก เมื่อมาเจอกับกลุ่มพระเอกที่แค่ขอมาหลบอาศัย ก็สร้างความคิดอคติจากความไม่ไว้ใจขึ้นมาเอง ทั้งๆที่เขาก็หวังดี
...หากแต่นั่นก็มีน้อยไป สำหรับการจะทำให้เรื่องราวมันแข็งแรง

แต่ยังไงๆ ผมก็ชอบประเด็น ธรรมชาติย้อนกลับมาทำร้ายนะ ..ถึงมันจะไม่ชัดเจนสุดๆ แต่มันก็สื่อถึงความเป็นไปในวันนี้ได้จริง แม้เหตุการณ์ในหนังไม่มีทางจะมีวันเกิดขึ้นได้เป็นจริงแน่นอน (ก็มันเป็นแค่หนังนี่นะ)

ถ้าหนังได้การแสดงที่จับคาแรกเตอร์ไว้ได้อยู่ (แต่จะว่าไป ผมมองว่า มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ก็ทำได้ดีนะ.. กลับการแสดงที่ดูไม่ใช่ตัวเขา) และบทที่ดี(กว่านี้ได้อีก) ...ผมว่า มันจะเป็นหนังระทึกขวัญที่ทรงพลัง แบบ The Mist ได้แน่


โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:10:19:15 น.  

 
คราวที่แล้วก็ไปสัมภาษณ์อัสสาน
คราวนี้ก็มาเป็นเพื่อนคุณมาโนช

คราวหน้าจะเป็นอะไรดีครับคุณเจ้าของบล๊อก


โดย: metrologo วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:13:11:07 น.  

 
เพิ่งไปดูเรื่องนี้มาเมื่อคืนนี้ค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีอะไรติดๆขัดๆอยู่บ้าง แบบดูหนังจบแล้ว แต่แบบ..มันยังไม่ใช่อะ มันยังไม่สุด แต่ก็อยากบอกว่าถึงขั้นชอบเลยทีเดียว
1. ชอบประเด็นธรรมชาติที่นำเสนอ ดูใกล้ตัวจนน่าขนลุกเหมือนกัน (ถึงแม้ว่าจะเกินจริงไปบ้างก็ตาม)
2. ชอบการกำกับ, การถ่ายภาพที่เร้าอารมณ์และกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น จนออกมาจากโรงแล้วรู้สึกว่าตัวเองลุ้นจนเหนื่อยเลยค่ะ (ข้อความต่อจากนี้มีสปอยล์ --- คือช็อคตั้งแต่สาวสวยคนนั้นเอาปิ่นมาแทงคอตัวเอง, ศพคนงานก่อสร้างที่โดดตุ้บลงมาคนที่ 1 คนที่ 2, ถนนที่คนแขวนคอเรียงราย ((ตอนนี้แอบไปนึกถึงฉากนึงใน six sense ขึ้นมาเลยทีเดียว)) เป็นต้นค่ะ)
3. เป็นหนังอีกเรื่องของเฮียแก ที่ดูออกมาแล้วมีภาพติดตา และแอบหลอนอยู่พักใหญ่ ดูหนังจบตอนเที่ยงคืนกว่า พอออกมานอกโรงรู้สึกหลอนตัวเองจนเกือบจะเดินถอยหลังอยู่เหมือนกัน

ป.ล. ชอบบทวิจารณ์บทนี้จังค่ะ อ่านแล้วได้หลายอารมณ์ดี ทั้งขำ ทั้งจริงจัง ทั้งวิจารณ์


โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 58.9.8.61 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:16:42:56 น.  

 
มาตามอ่าน

ไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะโซอี้...
พี่ๆ อ่านว่าโซอี้นะ ไม่ใช่ซูอี้...เด-ชา-แนล ไม่ เดส นะ เด

มีแต่คนอ่านชื่อผิด แฟนคนนี้แอบเคือง ฮ่าๆ

ชอบโซอี้มากกกก ก็เลยไปดู..

ดูละก็...กลางๆค่ะ เข้าใจพ้อยที่เฮียมาโนชต้องการจะพูด
บางจุดก็หลวมเิกิน จนไม่เข้ากับเรื่อง..

เราชอบบทตลกๆของสองสามีคู่นี้นะ มันทำให้หนังหายเครียดลงเลย..แต่ก็แอบลงจนเอ่อ..
ออกนอกเส้นทางไปตามป่าเขาตามเรื่องซะแล้ว

เฮียมาโนชเค้าอาจจะคิดว่าหนังมันคงจะกดดันคนเกิน เพราะฉะนั้นคู่นี้ควรจะรีแล็กซ์คนดูบ้างก็ได้ ฮ่าๆ
เราคิดไปเองนะ... แต่ถ้าไม่มีเลย เราว่าเราต้องโดนหนังกดดันมากๆแน่ๆเลย

ซึ่งเราชมจุดนี้ว่าทำได้ดีมาก...กลัวเลยอ่ะ

ส่วนเรื่องประเด็นที่เค้าต้องการสื่อ ธรรมชาติกับมนุษย์
ก็แปลกแหวกแนว คิดไม่ถึง เพราะเดาเรื่องออกไปนอกอวกาศเหมือน crystal skullไปแล้ว ฮา!
เราชอบเรื่อง เมกากับความพารานอยด้านก่อการร้ายมากกว่า
ฮาสุดๆ คนเมกันก็กลัวเหลือเกิน...ใกล้จะจบเรื่องแล้ว Almaยังก่อการร้ายชัวร์อยู่เลย!

เราว่าZooeyก็แสดงดีในแบบของเธอนะ...แปลก ในทางที่ดี...
พี่มาร์คก็แสดงได้แปลก เออ ก็เข้ากันได้ดี...
ก็โอเคค่ะ หนังเรื่องนี้...

ปล. สำหรับคนที่ชอบZooey เธอทำอัลบั้มเพลงออกมาด้วยนะคะ กับ M.Ward
ชื่อวง She and Him อัลบั้ม Volume one เพราะมากกกกกกกกกกกกกกกก
เพลงแนวเก่าๆ (สไตล์เก่ามากกกก มาแบบ The Beach Boy, Carole King)
ฟังละจะหลงรักZooeyอีกเป็นกอง ฮ่าๆ


โดย: dreamy_ez IP: 58.10.102.37 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:21:16:51 น.  

 
คราวนี้ผมรู้สึกว่าคุณหมอดูเครียดๆ นะครับ ถึงแม้ว่าจะพยายามเขียนให้ตลกก็ตาม

The Happening ผมว่าเป็นหนังของเฮีย M ที่สนุกลำดับต้นๆ เลยล่ะครับ เพียงแต่อาจจะมีประเด็นอะไรให้พูดถึงน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ ชอบฉากการตายในหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีและน่ากลัวทุกฉาก ชอบมุกตลกที่ใส่เข้ามา ทำให้หนังไม่เครียดหรือน่าเบื่อเกินไป แต่ที่ไม่ชอบก็คือประเด็นอะไรหลายๆ อย่างที่หนังเริ่มต้นเอาไว้ได้น่าสนใจ แต่พอมาเฉลยแล้วกลับไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญ และฉากที่พยายามทำซึ้งในตอนท้ายก็ไม่รู้สึกอินแต่อย่างใด

ยังคงชอบ The Village มากที่สุด ถึงแม้จะเป็นหนังที่เข้าขั้นน่าเบื่อ แต่ประเด็นของหนังนั้นดีมากๆ


โดย: AronSun IP: 124.120.246.163 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:22:32:15 น.  

 
^
^
เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ เพิ่งคิดได้
ไม่ชอบตรงที่การเล่าเรื่องหลายครั้งใช้ข่าวทางทีวี มันธรรมดาและน่าเบื่อไปหน่อย แต่ message ของเรื่องนี้คงไม่ได้มีแค่ ‘ธรรมชาติไม่ทนแล้วโว้ย’

Spoil !!!
- พระเอกบอกว่าคนเราปล่อยพลังงานออกมาได้ และเป็นสีต่างๆ ตามแต่อารมณ์
- แหวนบอกอารมณ์จะเป็นสีอะไร เมื่อมีความรัก
- สมมุติฐานที่ว่าจำนวนคนเมื่อรวมกลุ่มกันมากๆ จะถูกเล่นงานได้ง่ายกว่ารวมกลุ่มกันจำนวนน้อยๆ นั้นถูกต้องหรือไม่ ทำไมหญิงแก่ไม่เต็มเต็งถึงโดนเล่นงานทั้งที่ตอนนั้นแกก็อยู่คนเดียว
- ทำไมพระเอกและนางเอกถึงรอดตาย เป็นเพราะตอนนั้นธรรมชาติเลิกเล่นงานแล้วจริงๆ หรือ

ถ้าลองเอาประเด็นเหล่านี้มาคิดดู อาจจะรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้มากขึ้นครับ


โดย: AronSun IP: 124.120.246.163 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:23:13:58 น.  

 
ยังไม่ได้ดูครับ ก็เลยอ่านไม่ได้หมด ไว้จะมาอ่านตรงสปอยล์อีกทีแล้วกัน

“ไอ้พวกที่ชอบด่านักวิจารณ์เนี่ย มีปัญญาวิจารณ์แบบเค้าหรือเปล่าเหมือนกัน”
^
^
^
ชอบตรงนี้จริงๆ ฮ่าๆๆ


โดย: absent-minded IP: 158.108.54.249 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:10:53:25 น.  

 
+ แอบขำจดหมายจากคุณ จขบ. ถึงเพื่อนมาโนช ครับ (โดยเฉพาะตรง ปล. 555) ... ความรู้สึกก็คล้ายๆ ท่านอื่นๆ คือประเด็นคลุมเครือที่หนังตั้งเป็นโจทย์ กับใส่รายละเอียดเข้ามา บางส่วนก็ยังอธิบายได้ไม่เพียงพอต่อความอยากรู้อยากเห็นของคนดู กับอีกเรื่องนึงก็คือการแคสติ้งดารา (โซอี้ เธอเล่นเรื่องนี้แล้วดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ถึงแม้คาแรคเตอร์ของเธอจะต้องมีบุคลิกแบบนั้นก็ตามที)

+ เลยพาลให้ผมคิดว่า นี่มันคือหนังอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม! สไตล์คุณมาโนช นี่นา


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:13:28:24 น.  

 
สำหรับผมแล้ว ผมอดเสียดาย อารมณ์ตัวเองที่รอ ดูหนังเรื่องนี้ เหมือนกัน เฮ้ยยยยยย พี่เขาหลอกเราจริง ๆ หล่ะ


โดย: palao วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:15:26:36 น.  

 
ไม่ห่วย แต่ไม่หนุกเหมือนที่คาดไว้
สรุปก็ชอบ แต่ไม่หนุกเหมือนที่คาดไว้
แต่ไม่ห่วย


โดย: Lovedesigner.net IP: 58.9.161.226 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:23:58:32 น.  

 
น่าจะลองไปกำกับเอง แล้วให้มาโนชวิจารณ์บ้างนะครับ


โดย: โหะๆ IP: 203.99.253.8 วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:10:53:21 น.  

 
the village ยังเป็นสุดยอดในดวงใจค่ะ
รู้สึกเลยว่า
ไม่ว่า เราจะทำให้มันเป็นระบบปิดยังไง ก็ยังต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
เพราะเราต่างเป็นมนุษย์


เรื่อง sixth senses ก็ชอบ แต่ไม่มาก ชอบที่หักมุมตอนจบ เปิดหน้าวงการหนังผี ให้จบแบบนี้ กันตามๆมา

The Happening
ดูแล้วลอยๆ ค่ะ
ผิดหวัง
มาโนชไม่หนักแน่นเท่าเรื่องก่อนๆ

ปล ไม่เคยดูเลดี้ อินเดอะวอเตอร์ ค่ะ


โดย: vodca วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:17:41:01 น.  

 
บรรยากาศหนังมันหลอนๆๆ อึมครึม ชวนให้ใจเต้นแรงด้วยความกลัว
คือเรากลัวและอยากรู้ว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้คนต้องอ่อนด้อยทางทักษะและหันมาฆ่าตัวตาย
คือพระเอกเปนอาจารย์วิทยาศาสตร์แต่จาดูเก่งไปป่าวที่พาแฟนและเด็กรอดมาได้ ด้วยความรุเชิงพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ตัวเองมี
บางทีมันดูไม่สมเหตุสมผล แต่เราชอบมาร์ค ฯ
แต่ก็โดยรวมจากที่ดูหนังจบ มันก็โอนะ แต่คงไม่ซื้อ DVD เก็บอ่า คงไม่อยากดูอีกรอบ!!


โดย: pickmeeup IP: 203.144.187.18 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:0:21:35 น.  

 
หมอครับ .. บรรทัดสุดท้ายของหมอนี่ มุกหักมุมใช่มั๊ยครับ ..
55


โดย: อ๋อง IP: 125.24.208.209 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:17:13:03 น.  

 
ฮาได้อีกอ่ะ . . . .

แต่ว่านะ . . . .

ผมเพิ่งดูงานของมาโนชชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกแหละ

ก็รู้สึกเฉยๆนะคับ
โดยส่วนตัวชอบ Silent Hill มากกว่าซะอีก


โดย: ciel IP: 119.42.67.105 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:19:38:30 น.  

 
yeddd ผมชอบหนังเรื่องนี้มากเลยครับ
ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับ The day after towmorrow เลย

เราไม่สามารถเข้าใจความหมายของธรรมชาติได้

มีความสุขกับชีวิตไปดีกว่า ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับพระเอกนางเอก ที่ตัดสินใจเดินออกจากบ้าน ทั้งๆที่รุ้ทั้งรู้ว่านั้นคือความเสี่ยง แต่จะยอมหรอที่จะตายอยู่คนเดียว?


โดย: cza IP: 202.28.78.179 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:12:16:19 น.  

 
หนังเรื่อง signs รู้สึกต่างจากคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ
ว่า ไม่ได้เป็นการสอดไส้
แต่ทุกอย่างในหนังกำลังต้อนดิฉันให้จนมุม
ด้วยบทสรุปสุดท้ายของคำว่า "ศรัทธา"
ทั้งเรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องกลัวการปนเปื้อน
ทุกสิ่งอย่าง ถูกเขียนมาให้รองรับกับคำว่า

"ศรัทธา" อย่างเดียวเลย

ที่รู้สึกนะคะเมื่อดูจบ


โดย: สุขค่ะ (ความสุขอยู่ที่ใจ) IP: 117.47.203.25 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:19:00:40 น.  

 
ต้องบอกว่าสนุกกว่าที่คิดไว้เยอะ
ส่วนนึงเพราะทำใจไว้แล้วน่ะครับ คนด่าเยอะ เหอๆ

แต่ก็โอเคตรงที่"ดูแล้วดีกว่าไม่ได้ดู"
ถึงจะไม่ต้องคิดมากหาเหตุผลมาอธิบาย
ก็คิดซะว่าเหมือนดูหนังผี ผีจะฆ่ามันก็ฆ่า จะปล่อยก็ปล่อย เล่นง่ายดีเหมือนกัน

หลังจากอ่านบทวิจารณ์ชิ้นนี้ของเจ้าของบลอกแล้วผมเพิ่งจะรู้สึกอย่างนึงนะ
คือค่อนข้างให้เครดิตกับประเด็น"ความรัก"พอสมควรเลยใช่มั๊ยครับ
(ที่จริงน่าจะรู้สึกตั้งแต่ออกหนังสือแล้ว - -")


โดย: donut IP: 122.19.185.205 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:25:35 น.  

 
ดูแล้วไม่เข้าใจ แต่ที่นี่เค้าอธิบายจนเข้าใจ ว่าคุณมาโนชลึกซึ้งไปอีกขั้น ที่เราตามไม่ถึงอีกแล้ว//filmsick.exteen.com/20080617/the-happening-m-night-shyamalan-2008

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ เพื่อเป็นการแบ่งปัน แชร์กัน คงไม่ว่ากันนะ


โดย: momypoko IP: 115.67.143.114 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:34:09 น.  

 
ไม่รู้ว่าเราเป็นไรมากรึป่าว
อ่านไปยิ้มไป กลายเป็นคนบ้าซะงั้น ตกลงจดหมายมันเศร้าหรือตลกกันแน่เนี่ย อิอิ
ตอนดูหนังไม่ได้คิดอะไรเลย แต่พอมาอ่านแล้วเนี่ย มันรู้สึกใช่จิงๆด้วย
แต่ถึงหนังจะออกมาไม่สวยเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ยังมีความเชื่อในตัวมาโนชอยู่ค่ะ (ชื่อมาโนชเนี่ย มาได้ไง ???)
รอชมผลงานของเขาต่อไปค่ะ
ชอบคำวิจารณ์ของคุณมากเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกในหนังมีอะไรให้คิดเยอะเลย รู้สึกอินไปกับหนังมากขึ้น (ถึงแม้จะเคยดูมานานแล้วก็ตาม)


โดย: sunzhine IP: 125.24.134.73 วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:22:35:27 น.  

 
อ่านแล้วขำมากๆค่ะ คุณหมอวิจารณ์ถูกใจเราหลายเรื่องเลย โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดของมาโนชเนี่ย...


โดย: ningpotter IP: 202.183.183.226 วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:10:39:59 น.  

 
อ่านแล้ว รู้สึกเหมือนไม่รู้สึกว่ากำลังวิจารณ์หนังอยู่ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกับประชดหรือความรู้สึกของแฟนพันธ์แท้ที่ผิดหวังเลยบ่นเป็นความในใจออกมาเป็นตัวหนังสือกับหนังเรื่องล่าสุดที่ได้ไปชมมากกว่า .... แต่เรื่อง Happening มันก็สื่อให้คนดูไม่ชัดเท่าเรื่องอื่นจริงๆ ละนะ... แต่ก็ดูได้หนะ


โดย: oyo IP: 124.120.174.229 วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:22:04:09 น.  

 
ตอนจบหักมุมเหมือนหนังหลายๆเรื่องของผู้กำกับคนนี้เลย 55555+


โดย: ฮาจริงอะไรจริง IP: 115.87.117.195 วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:17:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
14 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.